
งูทะเล Hydrophiinae เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในทะเลตลอดชีวิตและมีลักษณะเฉพาะที่ช่วยในการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมน้ำ พวกงูทะเลมีลักษณะที่คล้ายงูบกแต่มีการปรับตัวเพื่อการดำรงชีวิตในทะเลอย่างสมบูรณ์ ลักษณะที่แตกต่างของงูทะเลอาจรวมถึง
- ลำตัวลื่น : งูทะเลมีลำตัวที่เรียบลื่นและคล้ายกับลำตัวของปลา ซึ่งช่วยในการว่ายน้ำ
- หางแบน : หางของงูทะเลมีรูปร่างแบนคล้ายใบพาย, ช่วยในการเคลื่อนที่ในน้ำ
- เกล็ด : เกล็ดบนลำตัวของงูทะเลมีลักษณะเฉพาะ บางชนิดมีเกล็ดเป็นมันและบางชนิดมีเกล็ดที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง
- รูจมูก : รูจมูกของงูทะเลอยู่สูงกว่าระดับน้ำ, และบางชนิดมีโครงสร้างเพิ่มเติมที่ช่วยป้องกันน้ำไม่เข้าสู่รูจมูก
- พิษ : ส่วนใหญ่ของงูทะเลเป็นงูพิษและมีพิษที่ทำลายระบบกล้ามเนื้อของเหยื่อ. พิษอาจมีผลเมื่อถูกกัดและอาจทำให้เสียชีวิตได้
- การสืบพันธุ์ : บางชนิดของงูทะเลมีการสืบพันธุ์โดยการวางไข่บนบก, ในขณะที่บางชนิดมีการสืบพันธุ์โดยการนำตัวเมียขึ้นมาบนบกเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่
- การอาศัย : งูทะเลมีการอาศัยอยู่ในทะเลหรือแม้แต่ปากแม่น้ำชายฝั่ง แต่บางชนิดอาจเดินขึ้นบกบ้างในบางสถานการณ์
- การลอย : งูทะเลสามารถลอยตัวอยู่ที่ผิวหน้าน้ำได้เป็นเวลานาน, ซึ่งช่วยในการหาอาหารและหลีกเลี่ยงอันตรายในทะเล
งูทะเล Hydrophiinae มีความหลากหลายทางชีวภาพและลักษณะที่ปรับตัวในสิ่งแวดล้อมทะเลต่าง ๆ ซึ่งทำให้การจำแนกชนิดนั้นอาจจะท้ายยาก แต่พวกเขามีบทบาทสำคัญในนิวเทียรัลนะเขตและสิ่งแวดล้อมทะเลอื่น ๆ โดยเฉพาะในการควบคุมปริมาณปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ ในทะเล

กลไกการปล่อยพิษและความเป็นพิษของงูทะเลมีลักษณะดังนี้
- การกัดและป้องกันตัว
- เมื่องูทะเลรู้สึกว่าต้องการป้องกันตัวหรือรู้สึกว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตราย เช่นถูกกวนรบกวน งูจะใช้เขี้ยวพิษในการกัด
- เขี้ยวพิษอยู่ที่ท้ายของขากรรไกรบนหรือในช่องปากของงูทะเล มีขนาดเล็กมากและสามารถเข้าถึงผิวหนังของเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว
- การกัดของงูทะเลอาจไม่เหมือนกับการกัดของงูบกที่ทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตและตายทันที แต่มักจะทำให้เหยื่อรู้สึกเจ็บแปลบและมีรอยแผลเล็ก
- การล่าและอาหาร
- เมื่องูทะเลต้องการล่าเหยื่อหรือหาอาหาร เขี้ยวพิษจะถูกใช้ในกระบวนการนี้
- น้ำพิษของงูทะเลจะถูกปล่อยออกมาและเข้าสู่ร่างกายของเหยื่อผ่านรอยแผลที่กัด
- พิษของงูทะเลมีความเป็นพิษสูงและสามารถทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตหรือตายได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของพิษที่ถูกปล่อย
- ความเป็นพิษของน้ำพิษ
- น้ำพิษของงูทะเลประกอบด้วยพิษมากกว่า 1 ชนิด และการรวมกันของพิษหลายชนิดทำให้มีความเป็นพิษที่รุนแรงมากขึ้น
- พิษของงูทะเลเป็นพิษชนิด Neurotoxin ซึ่งมีความเป็นกรด-ด่าง (pH) ประมาณ 6.3 และสามารถทำลายระบบประสาทของเหยื่อได้ โดยกระทำต่อระบบประสาทที่ส่งคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกาย
- พิษงูทะเลประกอบด้วยโปรตีนอย่างสำคัญ โดยมีเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยในกระบวนการทำลายเนื้อเยื่อของเหยื่อ เช่น Proteolytic enzyme, Phospholipase, Hyaluronidase
- อุณหภูมิและความคงทน
- พบว่าบางชนิดของงูทะเลมีความคงทนต่ออุณหภูมิสูงมาก เช่น สามารถทนความร้อน 100 องศาเซลเซียสได้ถึง 5 นาทีโดยไม่สูญเสียความเป็นพิษ แต่จะถูกทำลายหากผ่านไปเวลา 20 นาที
ในกรณีที่มีการกัดโดยงูทะเลหรือสัตว์ทะเลอื่น ๆ ควรรีบพาผู้ที่ถูกกัดไปพบแพทย์หรือโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและเฝ้าระวังอาการอันตรายที่อาจเกิดขึ้น การรักษาโดยแพทย์มีความสำคัญมากเพราะอาการหรือผลกระทบจากการกัดอาจมีความซับซ้อนและต้องมีการจัดการเฉพาะกับสถานการณ์นั้น ๆ อย่างเหมาะสม เช่น การให้สารต้านพิษ การรักษาแผล หรือการจัดการอาการแท้จริงที่เกิดขึ้นหลังการกัด สำหรับทุกกรณี การรับการรักษาและคำแนะนำจากแพทย์คือสิ่งสำคัญที่สุด

ประโยชน์ของงูทะเลมีหลายด้านที่มีผลต่อการใช้ประโยชน์มนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ดังนี้
- อาหาร: งูทะเลมีคุณค่าทางอาหารสูงและนิยมนำมาปรุงอาหารในหลายประเทศ สามารถปรุงสด ๆ หรือผ่านกระบวนการทำอาหารต่าง ๆ เช่น ต้มหรือผัด หรือนำไปดองกับเหล้า นอกจากนี้ยังมีการนำงูทะเลไปใช้ในการทำซุปและอาหารแปรรูปอื่น ๆ เช่น ลูกชิ้น และผลิตภัณฑ์อาหารคนจนัลิเล็บอย่างแตงกวาเล็บนิวกีนี
- สมบัติทางการแพทย์: บางครั้งงูทะเลถูกเชื่อว่ามีคุณสมบัติทางการแพทย์ เช่น สามารถใช้แก้ปวดหลัง แก้นอนไม่หลับ และแก้ระบบการย่อยอาหารผิดปกติ อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังในการใช้งูทะเลเพราะมีความเสี่ยงทางการแพทย์และสิ่งแวดล้อม เช่น พิษจากพิษงูทะเลและการล่างับต่ำของระบบนิเวศวิทยาของสถานที่
- การนำไปรมควัน: ในประเทศญี่ปุ่น เครื่องปรุงรสแบบงูทะเลได้รับความนิยมและถูกนำไปรมควันในร้านอาหาร นี่เป็นวิธีที่นิยมใช้งูทะเลในอาหารท้องถิ่น
- ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง: หนังของงูทะเลสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง เช่น กระเป๋า รองเท้า หรือเครื่องประดับ
- จับและการสร้างรายได้: การจับงูทะเลในน่านน้ำไทยมีความสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น โดยมีการจับมากกว่า 80 ตันในแต่ละปี โดยหนึ่งในชนิดที่ถูกจับได้บ่อยที่สุดคือ งูแสมรังเหลืองลายคราม (Hydrophis cyanocinctus) และงูอ้ายงั่ว (Hydrophis hardwickii หรือเดิมใช้ชื่อว่า Lapemis hardwickii)
การใช้งูทะเลมีประโยชน์แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางทะเลและสัตว์นี้อย่างเหมาะสมในระยะยาว
ติดตามสัตว์ทะเลเพิ่มเติม :: ปลาทะเลไทย