
ปลานิล Oreochromis niloticus เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) ที่มีความหน้าตาคล้ายกับปลาหมอเทศ (O. mossambicus) แต่สามารถแยกแยะได้จากลายสีดำและจุดสีขาวที่แผ่ระหว่างครีบหลัง ครีบก้น และลำตัวที่มีสีเขียวและน้ำตาลปนกัน ลายดำยาวพาดลำตัวเป็นลักษณะเฉพาะของปลานิล สามารถขนาดใหญ่ได้ถึง 60 เซนติเมตรและมีน้ำหนักถึง 5 กิโลกรัม ผู้ตัวเมียมีความแตกต่างกันในขนาดและอัตราการเจริญเติบโต โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่และโตเร็วกว่าตัวเมีย
ปลานิลเป็นสัตว์กินอาหารหลากหลาย ที่สามารถกินไรน้ำ, ตะไคร่น้ำ, ตัวอ่อนของแมลง, กุ้งฝอย และพืชผักต่าง ๆ อาศัยอาศัยรวมกันเป็นฝูงและมีความอดทนและคล่องตัวในการปรับตัวให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม สามารถทนต่อความเค็มได้ถึง 20 ส่วนในพันและค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ระหว่าง 6.5-8.3 และอุณหภูมิได้ถึง 40 องศาเซลเซียส แม้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ปลานิลจะปรับตัวและเจริญเติบโตได้ไม่ดี ซึ่งเนื่องจากถิ่นกำเนิดเดิมของปลาชนิดนี้อยู่ในเขตร้อน
การสืบพันธุ์ของปลานิล เป็นไปตลอดทั้งปี แต่ส่วนใหญ่จะผสมพันธุ์เมื่อมีอาหารเพียงพอและเหมาะสม ปลาตัวผู้สามารถใช้เวลา 2-3 เดือนต่อครั้งในการผสมพันธุ์ และมักผสมพันธุ์ได้ 5-6 ครั้งในระยะเวลา 1 ปี โดยการผสมพันธุ์นั้นตัวผู้จะใช้บริเวณหน้าผากดุนที่ใต้ท้องของตัวเมียเพื่อกระตุ้นการวางไข่ ตัวผู้จะเข้าไปวางน้ำเชื้อผสมไปพร้อมกับไข่ที่ตัวเมียวาง และหลังจากนั้นตัวผู้จะคอยหาโอกาสผสมพันธุ์กับตัวเมียอื่น ๆ ต่อไป
หลังจากไข่ถูกผสมพันธุ์และได้รับน้ำเชื้อผสม แม่ปลาจะคายไข่ลงมาในปากและคงไว้ภายในปากเพื่อฟักออกเป็นตัวลูก ในระยะเวลาประมาณ 4-5 วัน ไข่จะเริ่มฟักออกเป็นลูกปลา ลูกปลาในระยะนี้จะอาศัยอาหารจากถุงอาหารธรรมชาติที่ติดอยู่ที่ท้องของแม่ปลา แม่ปลาจะดูแลลูกปลาอย่างใกล้ชิดและคอยระวังศัตรูให้ลูกปลา

ปลาทับทิมเป็นผลิตภัณฑ์การเพาะพันธุ์ปลานิล ในประเทศไทยที่มีความสำคัญมาก เริ่มต้นการบันทึกสถิติในปี พ.ศ. 2517 และจากนั้นมาเป็นที่รู้จักในการสร้างรายได้สูงถึง 107,000 ล้านบาท จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยผลิตปลานิลอย่างน้อย 220,000 ตันต่อปี มูลค่าหน้าฟาร์มประมาณ 12,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นปลาที่มีศักยภาพสูงในการส่งออก และเป็นอาหารที่บริโภคมากที่สุดในประเทศ มีการสร้างงานทำให้กว่าล้านคนในฟาร์มปลานิลทั่วประเทศจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 300,000 แห่ง
ปลานิล Oreochromis niloticus ได้รับความนิยมในตลาดโลกและส่งออกไปยังต่างประเทศในยุโรป, ตะวันออกกลาง, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, และเอเชีย ในปี พ.ศ. 2551 ตลาดสหภาพยุโรปกลายเป็นตลาดอันดับ 1 ของปลานิล มีปริมาณส่งออกถึง 7,758.98 ตัน รองลงมาคือ ตลาดในกลุ่มตะวันออกกลาง ที่มีปริมาณการส่งออก 5,583.91 ตัน ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยปริมาณ 4,786.27 ตัน การส่งออกปลานิลไทยไปยังประเทศต่างๆในสหภาพยุโรปมีสัดส่วนสูงสุดถึงร้อยละ 40 รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกาที่ร้อยละ 37 และประเทศในแถบตะวันออกกลางมีสัดส่วนราวร้อยละ 15 ของการส่งออกรวม ปลานิลไทยถูกส่งออกในรูปแบบต่างๆ เช่น ปลานิลสด, ปลานิลที่ยังมีชีวิต, และผลิตภัณฑ์ประมาณนั้น
ในปี พ.ศ. 2549 องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รายงานว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 ของภูมิภาคเอเชียในการผลิตปลานิล อันดับแรกคือประเทศจีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์ปลานิลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยง สายพันธุ์ปลานิลแดงถูกสร้างขึ้นโดยการผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาหมอเทศ โดยศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดของจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดขอนแก่น และได้รับการพระราชทานนาม “ปลานิลแดง” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522
ติดตามสัตว์ทะเลเพิ่มเติม :: สัตว์น้ำ